น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นธรรมชาติ VS สกัดด้วยวิธี Refined
980 จำนวนผู้เข้าชม |
เลือกทานน้ำมันอะโวคาโดทั้งทีต้องเลือกแบบสกัดเย็นแท้แบบธรรมชาติ อ่านบทความนี้จะรู้ว่าทำไมแบบสกัดเย็นแท้จึงมีราคาสูง
รู้ก่อนเลือกทานน้ำมันอะโวคาโด
ก่อนที่เราจะเลือกรับประทานน้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil) เราควรรู้ข้อแตกต่างระหว่างน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นแท้และน้ำมันอะโวคาโดที่ผ่านการ Refined เสียก่อน เพื่อจะได้เลือกรับประทานได้ถูกต้องตามต้องการ เนื่องจากน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันอะโวคาโดชนิด Refined ค่อนข้างมาก
ข้อแตกต่างระหว่างน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นธรรมชาติกับสกัดด้วยการ Refined
- น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นธรรมชาติ (Unrefined) จะผ่านการสกัดด้วยการบีบเย็น ไม่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ไม่ใช้ตัวทำละลายหรือสารเคมีใด ๆ ในการสกัด การผลิตจะยากกว่าและใช้ต้นทุนสูง แต่น้ำมันที่ได้จะได้มีความบริสุทธิ์ เข้มข้น คงคุณค่าของสารอาหารครบถ้วนตามธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งแน่นอนราคาสูงกว่าน้ำมันแบบ Refined หลายเท่า
- น้ำมันอะโวคาโดชนิดรีไฟน์ (Refined) หรือน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ทางกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่นใช้ตัวทำละลายในการสกัด (Solvent Extraction) เป็นต้น ผลิตได้ปริมาณมาก ต้นทุนต่ำกว่าการสกัดเย็นมาก แต่จะได้สารอาหารน้อยกว่าแบบสกัดเย็นแท้หลายเท่า และมีราคาถูกกว่า
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ แบบสกัดเย็นแท้เปรียบเหมือนมะพร้าวที่คั้นเอาหัวกะทิ ส่วนแบบ Refined เหมือนมะพร้าวที่คั้นเอาหางกะทิ นั่นเอง
วิธีสังเกตน้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นแท้
- น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นแท้ๆ โดยปกติแล้วสีของน้ำมันจะมีสีออกสีเขียวเข้มใสธรรมชาติ ส่วนน้ำมันอะโวคาโดชนิด Refined ส่วนมากจะมีสีเหลืองอ่อนใส หากแคปซูลไม่ได้ทำสีเราสามารถสังเกตเห็นได้ทันที
- กรณีที่แคปซูลทำสีต่าง ๆ เช่น สีเขียว สีเหลือง หรือสีอื่น ๆ เราจะต้องเจาะแคปซูลบีบเอาน้ำมันออกมาดูจะเห็นเป็นสีเขียวเข้มใสธรรมชาติ
- ทดลองดมกลิ่นของน้ำมันที่บีบออกมาจะมีกลิ่นน้ำมันธรรมชาติ ไม่หืน มีรสชาติเฉพาะตัว
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อแบบน้ำมันบรรจุขวดหรือแกลลอนต้องเลือกให้ดี เพราะน้ำมันแบบ Unrefined และ Refined ในท้องตลาด มีให้เลือกทั้งแบบเกรดอาหารและเกรดเครื่องสำอางอีกด้วย
ด้วยความปราถนาดีจาก IMMOR
